เลือกโต๊ะข้างเตียงอย่างไรให้โดนใจ
โต๊ะข้างเตียงเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นหนึ่งที่เราจะเห็นได้ในห้องนอนทั่วๆ ไป มีไว้สำหรับเก็บของต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในยามค่ำคืน หลายคนอาจจะรู้สึกว่าโต๊ะข้างเตียงไม่จำเป็นนักไม่ต้องมีก็ได้ เพราะเตียงบางรุ่นก็มีตู้หัวเตียงอยู่แล้ว แต่ถ้าบ้านไหนใช้เตียงแบบเปิดโล่งไม่มีหัวเตียงไว้เก็บของ โต๊ะเตียงก็มีความสำคัญไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว นอกจะวางของแล้วบางครั้งยังเป็นที่ตั้งโคมไฟเพื่อให้แสงสว่างในเวลาค่ำคืน สำหรับวิธีการเลือกให้โดนใจนั้น เราควรพิจารณาในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1. ระดับของความสูง โต๊ะข้างเตียงควรมีความสูงประมาณเตียงไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป กะประมาณว่าในขณะที่นอนเราสามารถเอื้อมมือไปหยิบหรือปิด-เปิดสวิตซ์โคมไฟที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นได้สะดวก หากไม่มีระดับที่ต้องการแนะนำให้มีขนาดต่ำกว่าเตียงเล็กน้อย อย่าเลือกแบบที่สูงกว่า เพราะในขณะหลับเราอาจมีโอกาสดิ้นแล้วศีรษะไปชนได้ โดยเฉพาะโต๊ะที่มีเหลี่ยมมุมต่างๆ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ 2. ควรมีที่เก็บของอาจจะเป็นลิ้นชัก หรือตู้บานเปิด บางครั้งเราจะเห็นว่าโต๊ะข้างเตียงจะมีลักษณะเหมือนตู้ แต่ส่วนใหญ่จะเรียกรวมๆ กันว่าโต๊ะข้างเตียง สำหรับของที่เก็บจะเป็นของที่ไม่ได้ใช้บ่อย แต่ของที่จำเป็นต้องใช้โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ก็อาจเป็นประเภทยา ยาดม ยาหม่อง หรือน้ำดื่ม ก็มักจะวางไว้บนโต๊ะกันเสียส่วนใหญ่ เพราะสะดวกหยิบง่าย ไม่ต้องลุกเดินไปไหน โดยเฉพาะเวลานานกลางคืนหากรู้สึกหิวน้ำจะได้หยิบมาดื่มกันได้เลย ถ้าหากลุกเดินในขณะงัวเงียยังตื่นไม่เต็มที่บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร 3. สีสันและวัสดุที่ใช้ ควรเลือกให้เหมาะหรือดูกลมกลืนกลับเตียง รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง เพื่อให้มีรูปแบบที่สวยงามลงตัว ส่วนใหญ่เวลาเลือกซื้อเตียงก็มักจะซื้อโต๊ะข้างเตียงรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า มาแบบเข้าชุดกัน เป็นสไตล์การแต่งห้องนอนที่ค่อนข้างได้รับความนิยม แต่ถ้าคุณไม่อยากเหมือนใครหรือชอบสีสัน สามารถเลือกสีที่แตกต่างกันได้ตามความต้องการกันเลยนะคะ 4. บริเวณที่ตั้งโต๊ะควรมีปลั๊กไฟ ถ้าไม่มีอาจใช้เป็นสายพวง เนื่องจากส่วนมากเราจะนิยมตั้งโครมไฟเอาไว้บริเวณนั้นกันด้วย […]
สิ่งของที่ไม่ควรนำมาวางบนเคาน์เตอร์ครัว
บนเคาน์เตอร์ห้องครัวเป็นมุมสำคัญที่ควรจะมีแต่เครื่องครัวและของจำเป็นที่ช่วยสร้างสีสันเท่านั้น แม้ว่าคุณจะสามารถตกแต่งเคาน์เตอร์ห้องครัวได้แต่ก่อนไม่ควรจะมากเกินพอดี เพราะอาจทำให้มีปัญหาด้านการทำความสะอาดมากมายตามมา และสิ่งของที่ไม่ควรนำมาวางบนเคาน์เตอร์ก็เป็นสิ่งที่คุณต้องรู้ว่าทำไม? เราไปดูกันเถอะว่าเหตุใดจึงควรหลีกเลี่ยงการวางสิ่งของเหล่านี้ มันจะส่งผลเสียอะไรต่อเคาน์เตอร์ห้องครัวบ้าง? ห้ามนำหนังสือวางบนเคาน์เตอร์ครัว หนังสือเป็นสิ่งของที่มีความบอบบางและความทนทานต่ออุณหภูมิสูงที่น้อยมาก หากนำหนังสือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารหรือนิยายไปวางกองเรียงบนเคาน์เตอร์ครัว ความร้อนจากการทำอาหารและเศษอาหารต่าง ๆ ก็จะไปติดตามปกหรือสันหนังสือจนเกิดความมันได้ อีกทั้งหน้ากระดาษหนังสือก็จะเปื่อย ดูไม่สวย และเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติจึงไม่ควรนำมาวางบนเคาน์เตอร์ครัว ตรงนี้ต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนมักจะชอบวางนิตยสารบริเวณนี้บ่อย ๆ เพื่อหากิจกรรมการอ่านคั่นรอระหว่างที่กำลังทำภารกิจ หนังสือควรจะถูกเก็บไว้ในชั้นบริเวณห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนจะเหมาะสมกว่า นอกจากนี้หากเอาไว้นาน ฝุ่นก็จะจับตัวกันที่หนังสือและปลิวมาลงอาหารหรือภาชนะสะอาดได้ ซึ่งอนามัยของห้องครัวก็จะลดลงไปอีก ห้ามนำเครื่องใช้ไฟฟ้าวางบนเคาน์เตอร์ครัว แม้ว่าในห้องครัวจะเต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายที่วางหรือเก็บบริเวณเคาน์เตอร์ ไม่ว่าจะเป็นกระทะไฟฟ้า ไมโครเวฟ เครื่องคั้นน้ำผลไม้ และอื่น ๆ แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดก็ถูกออกแบบมาให้อยู่กับอุณหภูมิและสภาพของห้องครัวอยู่แล้ว เราจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้สูงกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านชนิดอื่นที่ทำมาไว้ประจำตามห้องนั่งเล่นหรือห้องทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ ,โทรทัศน์ ,เครื่องโทรศัพท์บ้าน เป็นต้น แต่คนในบ้านมักจะชอบรักความสะดวกสบายอยากทำกิจกรรมมากมายในห้องครัวเพื่อไม่ให้การทำอาหารเป็นไปด้วยความน่าเบื่อโดยนำอุปกรณ์เหล่านี้มาตั้งไว้บนเคาน์เตอร์ซึ่งนอกจากฝุ่นจะเยอะแล้ว หากถูกน้ำหรือความอับของห้องครัวที่มีขนาดเล็กก็อาจพังก่อนวันหมดอายุใช้งานหรืออาจเกิดอันตรายได้อย่างที่คุณคาดไม่ถึง จึงไม่ควรนำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงานครัวมาวางบนเคาน์เตอร์ห้องครัว ห้ามนำชั้นวางของต่าง ๆ วางบนเคาน์เตอร์ครัว ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาหากคนในบ้านจะนำชั้นวางของมาตั้งบนเคาน์เตอร์เพื่อวางวัตถุดิบสำหรับการปรุงรสอาหารหรือการชงเครื่องดื่มต่าง ๆ ซึ่งชั้นที่ว่างโดยปกติจะเป็นชั้นวางของขนาดกะทัดรัดจึงไม่มีผลใด ๆ ต่อเคาน์เตอร์ แต่หากคุณจะนำชั้นวางของตกแต่งบ้านขนาดกว้างและใหญ่มาไว้บนเคาน์เตอร์ห้องครัว ตรงนี้จะไม่เหมาะสมเอามาก ๆ […]
ทำอย่างไรดี! อยากได้ห้องนอนส่วนตัว แต่บ้านมีพื้นที่แคบ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากจะมีห้องนอนส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น เพราะยิ่งเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความสนใจและการเป็นตัวของตัวเองจะเริ่มมีขอบเขตที่ชัดเจนยิ่งกว่าตอนเด็ก ๆ ที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดคนที่ตัวเองรักตลอดเวลา แต่ในเวลานี้ตัวเราก็อยากจะมีอิสระบ้าง บางคนก็อยากที่จะนอนดึกเพราะทำกิจกรรมบันเทิงอย่างดู Netflix ,คุยแชทกับเพื่อน หรือบางคนก็อยากจะมีเวลาส่วนตัวเพื่อทบทวนสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวัน หรือทำงานโต้รุ่งซึ่งหากนอนกับคนอื่นในครอบครัวก็ต้องเกรงใจเขาเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะทำอย่างไรดีในเมื่อบ้านของคุณมีพื้นที่แคบ หากไม่นอนรวมกันก็คงไม่ได้ อย่างน้อยห้องนึงก็ต้องนอน 3 – 4 คนแล้วล่ะ งั้นเราจะพาคุณมาดูเคล็ดลับดี ๆ สำหรับคนที่อยากมีพื้นที่นอนส่วนตัว แต่บ้านมีพื้นที่แคบทำกัน ไม่ยากเลย มีม่านกั้น 2 ลายคนละฝั่งเวลานอนเพื่อพื้นที่ส่วนตัว การตั้งราวเล็ก ๆ แบบเลื่อนได้มาตั้งไว้ประจำจุดที่นอนของแต่ละคนเพื่อกั้นอาณาเขตที่นอนของตัวเองจะช่วยทำให้เรารู้สึกเหมือนมีพื้นที่นอนส่วนตัวของเราเองได้เป็นอย่างดี เพราะรอบข้างเราจะไม่มีใครเห็นว่าเราทำอะไรอยู่ จากการที่เรานำผ้าม่านมาแขวนไว้กับราวและไม่มีใครมารบกวนด้วย ส่วนอีกด้านก็เป็นราวผ้าม่านของอีกฝ่ายที่กั้นไว้ ต่างคนต่างกั้นพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ใช้พื้นที่ไม่เยอะเหมาะกับบ้านที่พื้นที่แคบด้วย แม้ว่าจะยังคงได้ยินเสียงของคนที่นอนด้วยกันแทรกเข้ามา แต่เราก็ได้มีโอกาสทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่รบกวนใครด้วย โดยเราแนะนำว่า ผ้าม่านของแต่ละคนควรจะมีสีสันและลวดลายที่แตกต่างกันไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ซึ่งสีพื้นควรจะเป็นสีที่ทำให้นอนแล้วสบายตา จัดเตียง 2 ชั้นเพื่อพื้นที่ส่วนตัวเวลานอน เตียง 2 ชั้นสามารถช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนมีห้องส่วนตัวได้ เพราะแต่ละคนก็จะนอนคนละชั้น เตียงหนึ่งมีถึง 2 […]
มาแต่งห้องเช่าให้น่าอยู่ แบบไม่ผิดสัญญากันดีกว่า
บ้านเช่า หรือห้องเช่า แม้แต่คอนโดย่อมเป็นธรรมดาเมื่อผ่านการใช้งานมาแล้ว บางครั้งสิ่งต่างๆ จะเกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้มองดูไม่สะอาดและไม่สวยเท่าที่ควร โดยเฉพาะถ้าเราเช่าแบบมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์กันด้วยแล้ว แต่เราก็สามารถปรับปรุงใหม่ได้เช่นกันนะคะ และเป็นวิธีที่ทำได้โดยไม่ผิดสัญญา และทำให้ห้องพักของเราน่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น ใครสนใจมาดูกันค่ะ ว่าเราทำอะไรกันได้บ้าง โดยเริ่มจาก 1. ทาสีผนังห้องใหม่โดยเลือกให้มีเฉดสีเดิม เพื่อให้สะดวกในการทาและไม่มีปัญหากับเจ้าของบ้านเพราะเป็นสีเดิม แต่ถ้าหาไม่ได้หรือคิดว่าการทาทั้งหลังอาจสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช้เหตุ เราสามารถปรึกษากับเจ้าของบ้านได้ หากผนังสกปรกมากจนเกินไปและไม่น่าอยู่อาศัย ทางเจ้าของอาจพิจารณาทาสีให้ใหม่ก็เป็นได้ 2. เปลี่ยนโคมไฟเพิ่มแสงสว่างที่ทำให้รู้สึกแปลกตาตามที่ชอบ นอกจากจะได้แสงสว่างตามที่ต้องการแล้ว ยังสามารถถอดออกเมื่อย้ายออกจากบ้านเช่าได้เช่นกัน 3. พื้นบ้านส่วนมากจะเป็นคราบดำตามแนวกระเบื้องปูพื้นแก้ไขให้สะอาดได้ โดยใช้ปากกายาแนวซึ่งมีลักษณะดูคล้าย กับปากกาเมจิกทั่วไป เพียงเปิดฝาขึ้นมาก็จะพบกับหัวปากกาสีขาวแล้วใช้หัวปากกาลากไปตามแนวของกระเบื้อง จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้แห้งตามคำแนะนำ ยาแนวก็จะสดใสสะอาดขึ้นได้ 4. เปลี่ยนผ้าม่านเสียใหม่เลือกสีให้สดใสตามที่ชอบ แต่จะให้สวยอย่าลืมเลือกให้สีกลมกลืนหรือไปในแนวทางเดียวกันกับการตกแต่งห้องด้วยนะคะ 5. ห้องเช่าหรือบ้านที่ปูพรมไว้ควรหาร้านรับจ้างทำความสะอาดพรม มาทำให้พรมสะอาดเหมือนใหม่โดยไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ การซักพรมโดยจ้างทางร้านจะช่วยให้พรมสะอาด มีกลิ่นหอมสดชื่น ไร้กลิ่นอับได้อีกด้วย 6. นอกจากนี้เรายังสามารถเปลี่ยนมือจับตามชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ที่จับประตูต่างๆ ภายในห้อง รวมไปถึง ประตูตู้เก็บของบริเวณครัว การเปลี่ยนของใหม่ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศในห้องให้ดูสดใสเหมือนใหม่ได้เช่นกัน แต่อย่าลืมเลือกแบบให้ทันสมัยทำมาจากวัสดุดีๆ อย่างเช่น สแตนเลส เพราะจะแข็งแรงและไม่เป็นสนิมได้ง่าย นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดใสให้กับห้องได้แล้ว เมื่อย้ายออกก็สามารถถอดมือจับอันใหม่ออกแล้วเอาของเก่าใส่ไว้ที่เดิมได้ไม่อยาก ดังนั้นหากถอดที่จับประตูออกมาแล้วก็อย่าลืมเก็บไว้ดีๆ […]
แต่งห้องพักโทนสีขาว ดูสวยงาม สะอาดตา
หากห้องพักเรามีขนาดไม่กว้างมาก อาจเป็นคอนโด อพาร์ทเม้นท์ หรือเป็นห้องส่วนตัวภายในบ้าน การแต่งห้องให้เป็นโทนสีขาวจะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ ที่สำคัญยังช่วยให้มองดูสะอาด และสบายตาอีกด้วย สำหรับไอเดียการแต่งห้องให้กว้างนอกจากสีขาวแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถเลือกเป็นโทนสีอ่อนๆ ได้ทั้งหมดกันเลยนะคะ อย่างเช่น สีฟ้าอ่อน สีครีม สีชมพูอ่อน และสีเขียวอ่อน เป็นต้น ที่นี่มาดูกันต่อว่าเราจะใช้สีขาวแต่งห้องได้อย่างไรกันได้บ้าง เริ่มจาก สีผนังห้อง หากภายห้องที่คุณพักอาศัยอยู่ไม่มีเด็กเล็กๆ ผนังห้องสีขาวจะช่วยให้ห้องดูโปร่งและโล่งขึ้นได้ แต่หากมีเด็กเล็กๆ ในบางครั้งอาจเปรอะเปื้อนได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเจ้าหนูอยู่ในช่วงวัยกำลังซนด้วยแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่สีขาวจะสะอาดเหมือนเดิม แต่เราก็สามารถทาสีใหม่กันได้ จึงเป็นอะไรที่ไม่ต้องกังวลมากนัก สีผ้าม่าน ผ้าม่านสีขาวก็มีส่วนให้ห้องดูกว้างขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นผ้าม่านผืนยาวเกือบจรดพื้นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ห้องดูสวยหรูหรามากยิ่งขึ้น แต่ผ้าม่านสีขาวส่วนมากจะกรองแสงได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นหากห้องที่คุณพักอาศัยมีแสงแดดส่องถึงค่อนข้างมาก แนะนำให้ติดเป็นผ้าม่านแบบสองชั้น โดนด้านนอกที่ต้องรับแสงเลือกเป็นแบบสีทึบและมีเนื้อผ้าหนาๆ ก็จะช่วยให้ห้องของคุณไม่ร้อนจนเกินไป เฟอร์นิเจอร์สีขาว เลือกได้ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชุดรับแขก ตู้ เตียง ชั้นวางของ และโต๊ะกินข้าว แต่จะให้สวยและไม่ดูขาวโพลนไปทั้งหมด ให้ลองวางสีสดๆ ไว้ในหมู่สีขาว จะทำให้ห้องดูมีสีสันและสวยโดดเด่นเป็นอย่างมาก อย่างเช่นหากคุณเลือกชุดรับแขกหรือโซฟาเป็นสีขาว ให้ลองหาหมอนอิงสีสดมาวางไม่ว่าจะเป็น สีแดง สีเขียว สีฟ้า หรือสีเหลือง […]
เลือกเก้าอี้สำหรับโต๊ะทานอาหาร
ถ้าบ้านไหนมีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารก็รับรองได้เลยว่าต้องมีเก้าอี้อย่างแน่นอน สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารับมักนิยมวางไว้ในบริเวณห้องครัว หรือถ้าบ้านใครมีเนื้อที่กว้างหน่อยก็จะมีห้องรับประทานอาหารสำหรับตั้งโต๊ะโดยเฉพาะแยกต่างหาก ข้อดีก็คือจะทำให้กลิ่นอาหารและไอน้ำมัน หรือไอในระหว่างทำกับข้าวต่างๆ ไม่ลอยมาบริเวณรับประทานอาหาร หรือมีคราบติดที่โต๊ะอาหาร สำหรับการเลือกเก้าอี้ที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยคุณสามารถพิจารณาในเรื่องต่างๆ ได้ดังนี้ 1. ถ้าต้องการให้ดูสวยงามกลมกลืนควรเลือกเก้าอี้ที่มีรูปแบบเดียวกันกับโต๊ะ เช่น ถ้าเป็นโต๊ะไม้ ก็เลือกเก้าอี้ไม้ รวมถึงโทนสีก็ควรเลือกให้มีโทนสีเดียวกันเป็นต้น แต่ถ้าใครชอบความแตกต่าง การเลือกสีให้ตัดกันก็ทำให้ห้องดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ 2. ควรเลือกขนาดของเก้าอี้ไม่กว้างหรือใหญ่จนเกินไป ปกติเก้าอี้จะมีขนาดมาตรฐาน แต่เราอาจจะเลือกเพิ่มเติมอย่างเก้าอี้เด็ก เก้าอี้ผู้สูงอายุ หรือสำหรับผู้ที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน อาจจะต้องนั่งเก้าอี้ใหญ่และแข็งแรงเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี หรือก็คือพยายามเลือกเก้าอี้ให้เหมาะกับสรีระของผู้นั่ง เพื่อความสะดวกสบายในการรับประทานอาหาร 3. นอกจากความสวยงามแล้วเก้าอี้ควรมีความแข็งแรง คงทน สามารถรองรับน้ำหนักของผู้นั่งได้เป็นอย่างดี ในตอนเลือกเก้าอี้หากคุณเลือกซื้อจากร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ควรสอบถามในเรื่องนี้กันด้วย เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการผลิต และความคงทนถาวร รวมไปถึงสามารถรองรับน้ำหนักได้ประมาณเท่าไร แบบนี้เป็นต้น เพราะเก้าอี้บางแบบดูจากภายนอกเหมือนจะแข็งแรงทนทาน แต่พอนำไปใช้จริงอาจเป็นไปในทางตรงกันข้าม ดังนั้นพิถีพิถันในการเลือกกันด้วย 4. ควรเลือกเก้าอี้ให้มีจำนวนพอดีกับสมาชิกภายในครอบครัว ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้รับประทานข้าวพร้อมกันก็ตามที เพื่อมีโอกาสพิเศษหรือมีงานสังสรรค์ภายในครอบครัว จะได้มีเก้าอี้เพียงพอสำหรับทุกคน แต่ในส่วนนี้เราอาจจะต้องคำนึงถึงขนาดของโต๊ะประกอบกันด้วย เพื่อให้ดูเป็นระเบียบสวยงาม เพราะถ้าหากโต๊ะมีความกว้างไม่มากแต่มีเก้าอี้หลายตัวหรือเกินความพอดีก็คงดูไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นให้พิจารณาจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน และเลือกจำนวนให้เหมาะสมที่สุด 5. เก้าอี้ที่เลือกต้องนั่งสบาย ไม่แข็งหรือนุ่มจนเกินไป หากเลือกเป็นวัสดุเหล็ก […]
เคล็ดลับการแต่งบ้านหลังเล็กๆ ให้ดูกว้าง
ถ้าเป็นบ้านหลังเล็กๆ หลายคนจะรู้สึกว่าภายในต้องดูคับแคบอย่างแน่นอน ทำให้คิดว่าน่าจะอึดอัด แต่จริงๆ แล้วการแต่งบ้านหลังเล็กให้ดูไม่คับแคบหรืออึดอัดมีวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยทำให้บ้านหลังเล็กของคุณดูโล่ง โปร่ง และกว้าง ไม่แพ้บ้านหลังใหญ่กันเลย สำหรับใครที่สนใจลองมาดูเคล็ดลับในการแต่งบ้านให้ดูกว้างกันดีกว่า 1. สีที่ใช้ สีก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้บ้านของคุณดูคับแคบหรือดูกว้างได้เช่นกัน โดยเฉพาะถ้าบ้านเราเป็นบ้านหลังเล็ก แต่ถ้าอยากให้ดูกว้างขึ้น เราควรเลือกใช้เป็นสีในโทนอ่อนหรือสีโทนสว่างๆ เช่น สีขาว สีครีม สีชมพูอ่อนๆ สีฟ้าอ่อน หรือสีเขียวอ่อน เป็นต้น สีเหล่านี้จะช่วยทำให้บ้านดูกว้างขึ้นได้ ที่สำคัญยังดูโปร่ง โล่ง และมองสบายตาอีกด้วย 2. พยายามใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น โดยเฉพาะชุดรับแขก และควรตั้งให้ติดพนังด้านหนึ่งด้านใด ไม่ควรวางไว้กลางห้อง นอกจากนี้ควรเน้นการใช้ตู้ โดยเฉพาะตู้แขวนผนังเพื่อใช้ในการเก็บสิ่งของต่างๆ ไม่ให้แกะกะอยู่ตามห้อง และถ้ามีของต้องเก็บเยอะให้เน้นเป็นตู้ทรงสูงผอม แต่ถ้าเลือกเป็นตู้ทรงเตี้ยแต่เน้นที่ความยาว ความสูงของตู้ต้องไม่มากหรือก็คือไม่ควรเกิน 2 เมตร และไม่ควรมีความกว้างมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ห้องดูคับแคบไปกว่าเดิม 3. การใช้กระจกติดที่ผนังด้านหนึ่งด้านใดก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้บ้านหรือห้องแคบๆ ดูกว้างขึ้นได้ในทันที เราจึงมักเห็นร้านอาหารหลายๆ ร้านนิยมนำวิธีนี้ไปใช้ เพราะจะทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่าห้องโล่ง โปร่ง และมองดูไม่อึดอัด หากไม่ชอบกระจกอาจติดเป็นภาพวาดแนวภาพสามมิติที่เป็นมุมลึก อาจเป็นรูปถนนทางเดิน หรือท้องทะเล ก็จะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้เช่นกัน 4. […]
เคาน์เตอร์บาร์องค์ประกอบสำหรับบ้านยุคใหม่
เรามักจะเห็นเคาน์เตอร์บาร์เป็นส่วนหนึ่งในห้องครัว หรือในมุมใดมุมหนึ่งในห้องรับแขก โดยเฉพาะถ้าใครพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมก็มักนิยมติดตั้งเคาน์เตอร์บาร์เป็นส่วนหนึ่งของห้อง เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ที่สำหรับเตรียมอาหาร นั่งรับประทานอาหาร หรือไว้สำหรับเสิร์ฟเครื่องดื่มต่างๆ โดยเราอาจจะเรียกว่าเคาน์เตอร์บาร์อเนกประสงค์กันได้เลย นอกจากประโยชน์แล้วยังช่วยให้ห้องดูสวยทันสมัยยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีเคาน์เตอร์บาร์มีให้เลือกหลายแบบตามแต่ความชอบของแต่ละคน สำหรับวิธีการเลือกให้นึกถึงเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. จุดที่ต้องการติดตั้งว่ามีขนาดกว้างประมาณไหน เคาน์เตอร์บาร์ส่วนใหญ่นิยมติดตั้งไว้กลางห้อง หรืออาจจะยื่นออกจากผนังด้านใดด้านหนึ่ง มีขนาดกะทัดรัดไม่แกะกะขวางทาง รวมทั้งตั้งแนบติดกับผนัง ซึ่งแบบหลังจะเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก อย่างในคอนโด หรืออพาร์ทเม้นท์ เป็นต้น แต่บ้านบางหลังก็ชอบแบบที่ติดผนังเช่นกัน เพราะดูเป็นสัดส่วนมากกว่า 2. วัสดุที่ใช้ควรจะเป็นวัสดุที่มีความคงทนสามารถโดนน้ำได้ เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย และควรทนความร้อนได้ในระดับหนึ่ง หากต้องการตั้งเตาหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บางครั้งปล่อยอุณหภูมิความร้อนออกมา ปัจจุบันนิยมใช้เป็น ไม้เนื้อแข็ง กระเบื้อง และหินอ่อน เป็นต้น 3. เลือกให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง และบรรยากาศในบ้านจะช่วยให้ห้องดูกลมกลืนกันยิ่งขึ้น รวมไปถึงโทนสีก็ควรเข้ากันได้เป็นอย่างดี แต่บางท่านอาจเลือกเคาน์เตอร์สีหนึ่ง และประตูที่ใช้ปิดตู้เคาน์เตอร์เป็นโทนสีเดียวกันแต่เข้มกว่า หรือเป็นโทนสีที่ตัดกัน ก็ช่วยให้ดูสวยงามสะดุดตามากยิ่งขึ้น 4. มีขนาดความสูงพอประมาณ ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ปกติจะนิยมให้มีความสูงประมาณ 100 เซนติเมตรขึ้นไป และเสริมด้วยเก้าอี้ตัวสูง เพราะจะช่วยให้รู้สึกถนัดทั้งเวลายืนและเวลานั่ง นั่นเอง ส่วนใหญ่มักจะนิยมยืนมากกว่า หรือใช้เป็นเก้าอี้ตัวสูง รวมทั้งบางท่านอาจเลือกจากสัดส่วนของตนเองก็ได้เช่นกันนะคะ เอาที่คิดว่าเราสะดวกมากที่สุดก็พอ […]
บ้านสวยเรียบหรูง่ายๆ ด้วยม่านม้วน
ปัจจุบันม่านม้วนเป็นแบบม่านที่กำลังได้รับความนิยม เพราะมีข้อดีหลายอย่างโดยเฉพาะความสวยแบบเรียบๆ แต่คงความหรูหราไว้ในตัว นอกจากนี้ม่านม้วนยังเป็นม่านที่มีราคาประหยัดเมื่อเทียบกับม่านชนิดอื่น และไม่กินพื้นที่ในการติดตั้งมาก เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านหรือผู้พักอาศัยที่ต้องการบ้านที่มีความโปร่งโล่งสบายตาในเวลาที่แสงแดดไม่มารบกวน เพราะเมื่อเปิดม่านม้วนขึ้นไปแล้วคุณจะเห็นธรรมชาติรวมไปถึงวิวทิวทัศน์ที่อยู่ด้านนอกกันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ม่านม้วนยังทำมาจากหลายวัสดุสามารถให้คุณได้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมม่านม้วนที่ผลิตมาจากเส้นใยสังเคราะห์ และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ โดยมีแบบให้คุณสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการหรือความเหมาะสมของแต่ละห้องถึง 3 แบบ ดังนี้ 1. ม่านม้วนแบบทึบแสง (Blackout) จะสามารถกันแสงแดดจากภายนอกได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับห้องที่ต้องโดนแสงแดดมากในช่วงเวลากลางวัน หรือห้องที่คุณไม่ต้องการให้แสงแดดตกกระทบมาก เช่น ในห้องนอน รวมไปถึงห้องที่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศในเวลากลางวันการใช้ม่านแบบทึบแสงจะช่วยลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี 2. ม่านม้วนแบบกันแสง (Sun Screen) เป็นม่านกรองแสงโดยแสงสามารถผ่านเข้ามาได้ในระดับหนึ่ง แต่ผู้พักอาศัยภายในห้องจะยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ เหมาะสำหรับ ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องรับประทานอาหาร เป็นต้น 3. ม่านม้วนแบบแสงผ่านได้ (Dimout) เป็นม่านที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ แต่ภายในห้องจะไม่มืดทึบเพราะจะมีแสงสว่างแบบสลัวๆ ส่องเข้ามา เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการแสงสว่างในช่วงเวลากลางวัน แต่ภายในห้องจะไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้เหมือนม่านม้วนแบบกันแสง ข้อดีของม่านม้วน 1. มีลวดลายและสีสันให้เลือกอย่างมากมาย ทำให้เจ้าของบ้านและผู้พักอาศัยสามารถเลือกให้เหมาะกับสีของห้องพัก หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในการตกแต่งบ้านได้ตามความต้องการ 2. ทำความสะอาดได้ง่ายกว่าม่านแบบผ้า จึงสามารถนำไปใช้เป็นม่านในห้องครัวหรือในห้องน้ำได้ 3. สามารถเลือกแบบให้แสงส่องเข้ามาในห้องได้ตามความต้องการ 4. มีความสวยหรู […]
ไอเดียแต่งห้องสมุดภายในบ้าน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการอ่าน และมักมีหนังสือเก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมาก เราอยากจะบอกว่าหากภายในบ้านของคุณมีพื้นที่มากพอ คุณควรจัดเป็นห้องสมุดภายในบ้านเอาไว้สักห้องหนึ่งกันนะคะ เพื่อให้หนังสือที่คุณรักมีที่เก็บเป็นสัดส่วน และช่วยให้ดูแลรักษาง่ายอีกด้วย ที่สำคัญเวลาต้องการอ่านยังสะดวกในการค้นหา แต่บ้านไหนมีพื้นที่ไม่มากพอเราอาจจัดเป็นมุมใดมุมหนึ่งในบ้าน หรือเก็บไว้ในห้องนอนก็ได้เช่นกันค่ะ เพียงแค่จัดไว้ในมุมให้เป็นสัดส่วนก็ช่วยให้คุณสามารถเก็บหนังสือไว้ได้อย่างเป็นระเบียบกันแล้วค่ะ แต่ถ้าหากกำลังคิดจะจัดห้องหนังสือกันอยู่ไปดูกันนะคะว่าในห้องควรมีอะไรบ้าง ตู้หนังสือ อาจเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับห้องหนังสือกันเลยทีเดียว เพราะคุณจะสามารถนำหนังสือไปจัดเรียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกันได้ไม่ยาก แต่ควรเลือกซื้อตู้ให้มีขนาดหรือจำนวนพอเหมาะกับหนังสือที่เรามีอยู่กันด้วยนะคะ โดยต้องจัดได้ในแบบที่หนังสือจะไม่เบียดเสียดกันจนเกินไป แต่ถ้าไม่มีตู้หนังสืออาจใช้เป็นชั้นวางก็ได้เช่นเดียวกันนะคะ เพียงแต่ถ้าเป็นตู้มีประตูปิดเรียบร้อยจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี โต๊ะอ่านหนังสือ อาจเลือกเป็นแบบโต๊ะทำงานไว้สำหรับนั่งอ่านหนังสือ หรือบางท่านชอบแบบสบายๆ หน่อย ก็เป็นโซฟายาวสักตัวไว้นอนอ่านหนังสือเพลินๆ ดังนั้นหากใครเลือกโซฟาแนะนำว่าควรเป็นแบบที่มีเบาะนุ่มๆ เพราะคุณอาจต้องใช้เวลาอยู่บนโซฟากันตลอดทั้งวัน หรือเมื่อมีเวลาว่างคงไม่พ้นเข้ามาอ่านหนังสืออย่างแน่นอน แต่ถ้าภายในห้องมีพื้นที่มากพอ ควรตั้งทั้งโต๊ะอ่านหนังสือ และโซฟาตัวยาวสำหรับนอนเล่นกันเลยนะคะ เพื่อคุณจะได้สะดวกสบายในการเข้ามาอ่านหนังสือมากขึ้น ผ้าม่าน หากห้องหนังสือของคุณอยู่ในมุมที่แสงแดดสามารถส่องถึงได้ ควรมีผ้าม่านสวยๆ แต่งห้องกันเอาไว้ด้วยนะคะ และควรเลือกเป็นแบบสองชั้น เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้หนังสือบุบสลายเมื่อต้องถูกแสงเป็นประจำ และในบางช่วงระหว่างวันที่แสงแดดไม่ร้อนแรงมาก เรายังสามารถเปิดให้แสงเข้ามาภายในห้องเวลาอ่านหนังสือ ก็เป็นการประหยัดพลังงานได้อีกหนึ่งช่องทาง แต่ถ้าอยู่ในมุมที่แสงแดดส่องไม่ถึง ก็อย่าลืมติดตั้งหลอดไฟในจุดที่เราต้องการอ่านหนังสือหรือที่ตู้หนังสือก็ควรมีเช่นกัน เพื่อไว้สำหรับให้เราค้นหาหนังสือได้สะดวก สำหรับท่านใดที่รักการอ่านและมีหนังสือเก็บไว้เป็นจำนวนมาก เรามาจัดห้องสมุดในบ้านกันดีกว่าค่ะ หรือแค่มุมใดมุมหนึ่งภายในบ้าน มุมนั้นก็จะกลายเป็นมุมโปรดของคุณอย่างแน่นอน หากสนใจดูแบบห้องสมุดและมุมอ่านหนังสือสวยๆ ดูที่นี่กันได้เลยนะคะ #ไอเดียแต่งห้องสมุด #ห้องสมุด #ของแต่งบ้าน